วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผู้ขาวสะอาด


เขาเสียสละเพื่อประชาธิปไตย
พิสุทธิ์ใสผุดผาดสะอาดขาว
อย่ามาใส่ร้ายป้ายสีราคีคาว
อย่ามาสาวราวเรื่องให้เคืองคิด

ตำแหน่งที่แต่งตั้งให้นั่งเชิด
มันประเสริฐเลิศหรูดูตามสิทธิ์
อย่ามาแหวะวอแวแลสักนิด
มันจะผิดตรงไหนใยตอแย

เขาแค่เผาเมืองเล่นเป็นเรื่องเล็ก
มันเด็กเด็กเล่นขายของร้องอุแว้
หากไม่รุกไม่เผาเขาไม่แล
ก็คงแย่ไร้ตำแหน่งแถลงการณ์

เขาแค่ปลดคนงี้เง่าเขาไม่ชอบ
เขาแค่มอบของกำนัลยุคผันผ่าน
ไม่ตอบแทนวันนี้ (อีก) กี่วันวาร
จะเจือจารได้ทั่ว...ทุกตัวคน


วันอังคารที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ของกำันัล



คนกตัญญูรู้คุณบุญหนุนช่วย
ตำแหน่งอวยแทนให้ได้ทั่วหน้
มีผลงานเห็นชัดถนัดตา
ไม่ต้องฝากไม่ต้องสานหรือผ่านใคร



ไม่ต้องจ้างบอดี้การ์ดไว้กวาดสื่อ
ไม่ต้องซื้อทีวีสีไหนไหน
ใช้พวกมันข่มขู่ไล่ลู่ไป
ช่างจัญไรเหลือประมาณสันดานกา


ปากบอกว่าปรองดอง..จ้องอาฆา
เป่าประกาศล้างบางอย่างชั่วช้า
ย้ายตำรวจหมดกรมกองรองอาญา
คิวต่อไป แม้ถอยร่น..ไม่พ้นเรา


ภาพที่เห็นเด่นแจ้งใช่แดงแท
เข้ามาแก้พัลวันมันเสี่ยมเข
ถามใครใครก็ตอบพินอบพิเทา
ภาพนี้เอา มาจากไหน..ใช่ของจริ


อีกหมื่นภาพพันภาพที่หยาบช้
ก็ใช่ว่าของแท้แก้ตัวนิ่ง
ก็ของปลอมทั้งนั้น..อย่าพาดพิง
แม้ทุกสิ่งที่เห็น..มันเด่นชัด


ที่เผากรุงฉิบหายไปหลายโค้ง
และเชื่อมโยงศาลากลางบางจังหวัด
นั้นก็เทียมทั้งนั้นที่มันจัด
ยังป้องปัดปากเป่า..เห่าประกาศ



จัดครบหน้าครบตาประสารัก
เชิญเก็บตักกวักกินให้สิ้นชาติ
เชิญล้อมวงเข้ามาเรียงหน้าญาติ
ตั้งอำมาตย์มาปกครอง...ร้องเพลงเชียร์



ประชาธิปไตยครอบครัวเจ้าสัวใหญ่

เลิศวิไลงดงามตามอาเสี่ย
ใครทำชอบเห็นชัดไปจัดเจียร 
ใครไปเลียถึงต่างแดนตอบแทนไป..













วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ถึงเพื่อน



แค่บอกว่าคิดถึงก็ซึ้งแล้ว
ดวงดอกแก้วกลีบเฉาคลายเศร้าหมอง
ดุจน้ำทิพย์ฉ่ำใสหัวใจพอง
สิ่งที่พร่องเต็มปริ่มอิ่มเอมใจ 



เคยหวลไห้โหยหาค่าของรัก
เพิ่งประจักษ์ว่ารักนั้นมันอยู่ใกล้
อยู่ในห้วงความคิดถึงบึ้งหทัย
เป็นสายใยร้อยถักรักผูกพัน

 
รักใช่คู่...ชู้ชื่น...อาจขื่นขม
ซ่อนอารมณ์ ไหวหวามในความฝัน
รักที่แท้คือรักมิตรนิจนิรันดร์
รักคงมั่นรักอยู่มิรู้จาง 


หากวันนี้เราจับจองครองเป็นเจ้า
คงเหงาเศร้าร้าวรักหรือหักห่าง
ความใกล้อาจให้แตกต้องแยกทาง
ให้รักร้างแรมราหรือลาไกล 


จงรักษามิตรภาพอันซาบซึ้ง
ความคะนึงคิดถึงกันนั้นยิ่งใหญ่
เป็นพลังโอบกอดตลอดไป
สองดวงใจผูกพันจนวันตาย 


อย่าท้อ



ตะวันเบิกฟ้าจ้าแจ้ง
รุ่งแรงแสงใหม่ไกลโพ้น
เสียงนกออดอ้อนอ่อนโยน
ฟ้าโน้นไม่ไกล..ไต่หาดาว 


เดินเถิดเดินต่ออย่าท้อนะ
ภาระที่มีใช่หนึ่งหนาว
ผ่านร้อนผ่านฝนปนคาว
เรื่องราวยาวย้ำเป็นตำนาน 


เหนื่อยนักนั่งพักสักครู่
ประเด็นอยู่...สู้สืบสาน
หน้าที่เอื้อเฟื้อเจือจาน
นิทานชีวิตอีกยาวไกล






เพราะคิดถึง

http://www.youtube.com/watch?v=O-dSWxzHQAU&feature=related



เพราะคิดถึงจึงมาหาที่นี่
ซึ่งเคยมีปิยะมิตรให้คิดถึง
มีน้ำใจแบ่งปันอันตราตรึง
มีที่หนึ่งไม่เป็นสองหรือรองใคร

มีตัวตน...อัตตา...หาใช่น้อย
มีสำออยอ่อนหวานพาลอ่อนไหว
มีเจ็บปวดรวดร้าวราวลนไฟ
มีหัวใจแช่มชื่นระรื่นทรวง 


มีหวาน..มีชื่น..มีขื่น...มีขม
มีอารมณ์หลากหลายคล้ายคล้ายบ่วง
มีหัวใจ และหัวใจอีกหลายดวง
ที่ถูกทวงตามหามาช้านาน

เพราะคิดถึงจึงมาหาที่นี่
มาที่ที่เคยมา...ใช่เพียงผ่าน
มาเพราะว่าคิดถึงหนึ่งดวงมาน
มาเพื่อพาลพบเจอเธออีกครั้ง.. 



วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รอวันฝันย้อน





ขอเพียงเธอเข้าใจในความคิด
ขอเพียงจิตผูกพันนั้นเสมอ
ขอเพียงใจคิดถึงหนึ่งเพียงเธอ
จะพบเจอวันไหนใช่ไกลกัน

ทุกคนเกิดมาเพื่อหน้าที่
ทุกคนมีจุดหมายที่ปลายฝัน
ทุกคนอยากโชคดีในชีวัน
ทุกคนนั้นเลือกเดินได้ด้วยใจตน 



อย่าได้ห่วงคนไกลให้ใจหมอง
อย่าเรียกร้องสิ่งใดให้ใจหม่น
ทำหน้าที่ที่กำหนดด้วยอดทน
ดวงกมลแข็งแกร่งเป็นแรงใจ

วันนี้อาจไกลมากไม่อยากเอ่ย
มันล่วงเลยเกินกว่าจะคว้าไขว่
ปล่อยไปเถิด.....ต้องปล่อยไป
หากวันไหนย้อนฝัน...ฉันจะคืน 



จากไปจนไกลตา





จากไปจนไกลตา
จะกลับมาหรือเปล่าหนอ
เฝ้าฝันนับวันรอ
อาจจะท้อเพราะรอวัน 


...ห่างไกลใจไม่ห่าง
แม้ลาร้างไม่ห่างหัน
เฝ้าคิดจิตผูกพัน..
แววตาฝันวันสั่งลา 


วันผ่านไปนานแล้ว
ดวงดอกแก้วเริ่มอ่อนล้า
จำมั่นคำสัญญา
จะกลับมาหาคนดี... 


คิดถึงและคิดถึง
ฝากรำพึงผ่านบ้านนี้
ฝากใจฝากไมตรี
เผื่อจะมีคนผ่านมา 




โลกบางใบ ใครบางคน




โลกบางใบ ใครบางคน สับสนอยู่
ทั้งที่รู้ว่า ยุ่งยาก ไม่อยากเอ่ย
จะละทิ้ง ก็หน้าที่ เต็มที่เลย
จะอยู่เฉย เห็นคน ทุรนทุราย

ไม่ไขว่คว้า.คาดหวัง ชังบางอย่าง
ไม่สมสร้าง ความดี ชีวีหาย
เมื่อชีวิต เลือกบางตอน ก่อนจะตาย
ก็จะให้ อะไรบ้าง แก่บางคน...

คนดื้อ




จะยื้อยุดฉุดไว้...ก็ไร้ผล
เชิญดั้นด้นต่อไป...ตามใจฝัน
แม้รู้ว่าหนามหนา...ก็ฝ่าฟัน
เพื่อสนองความรั้น...ที่ตั้งใจ 


ใช่ว่าจะเสือกไส...หรือไล่ส่ง
ก็ยังคงติดตาม...ความเคลื่อนไหว
ก็เห็นอยู่ว่าลำเค็ญ...ความเป็นไป
ฉันคงไม่ยื้อยุด...หรือฉุดดึง 


อาจจะเป็นนักบุญ...ที่ใจบาป
ทนเห็นภาพทุกข์สุม...ที่รุมทึ้ง
แค่อยากให้บทเรียน...เพียรคำนึง
ว่าใจหนึ่งเคยหวังดี...เคยชี้ทาง 


จึงปล่อยให้ว่ายวน...ทนกระแส
อย่ายอมแพ้โลกจะหยัน...ฝันที่สร้าง
หากก้าวพ้นกับดัก...รักที่พราง
ฉันก็พร้อมก้าวย่าง...เคียงข้างเธอ 






ดินน้าวดาวโน้ม



คงไม่อยากไต่ฟ้า...ไปหาดาว
เพราะฟ้าพราวสูงเกิน...จะเดินถึง
จงแหงนมองฟ้าใส...ใจคะนึง
ว่าใจหนึ่งยังรอ...และท้อใจ 


เห็นหรือไม่เมื่อดินน้าว...ดาวก็โน้ม
พวงโพยมพร้อมฝัน...วันฟ้าใส
เพียงแค่เอื้อมมือสาว...คว้าดาวไป
จะต้องใช้ความกล้าหาญ....นานเท่าไร ? 




อยู่ที่ไหนก็เหงาได้





ภาพที่เห็นเข้มแข็ง...แกร่งเอามาก
เก่งแต่ปากที่แท้...แพ้ความเหงา
เท่าที่เห็นเขาเข็มแข็ง...เก่งเกินเรา
แท้ก็เฉาเหี่ยวโหย...ร่วงโรยรา 


หลอกผู้อื่นหลอกได้...ไปทั้งโลก
ทำแสร้งสุขไร้โศก....โลกหรรษา
แต่ใจรู้ใจวิโยค....โศกโศกา
เหงาซิท่า...จึงเฉลย...เอ่ยความใน 




ค่าแห่งตน






ตะเกียกตะกายไปใย...ให้เหนื่อยหนัก
ขอแค่พักสักครู่...ดูข้างหน้า
ทำหน้าที่วันนี้...ที่มีมา
พร้อมรักษามาตรฐาน...งานของตน 


เอาไม้ซีกงัดไม้ซุง...ยุ่งตายห่า
อาจนำพาให้หัก...มักไร้ผล
ปล่อยให้กรรมทวงถาม...ตามผจญ
ใครหนีพ้นกฎแห่งกรรม...ที่ทำมา 


............กรรมดี....มีให้เลือก
กระเทาะเปลือกกิเลส...เศษตัณหา
ไม่อยากได้ไม่อยากมี....อยากนำพา
ก็เพิ่มค่าแห่งตน...คนนิยม 


มาตรฐานแห่งคน...ใช่ฐานะ
รู้กาลเทศะ...รู้จักข่ม
เพียงอย่าให้กิเลส...เศษอาจม
มาทับถมบังตา...ค่าแห่งตน
 


ตอบคำถามของหัวใจ





แสนเหงา...
มีเพียงเรา..นับดาว..ที่ราวฟ้า
ไร้ผู้นั่ง..เคียงข้าง..อย่างก่อนมา
และไม่เคย..ต่อว่า..กับฟ้าไกล 


ร้อนเหลือ...
เขาจะเชื่อ..หรือเปล่า..ยังสงสัย
ร้อนยิ่งกว่า..สุมขอน..ด้วยฟอนไฟ
การจากไป..ทั้งคิดถึง..จึงร้อนรน 


เหนื่อยล้า...
กับจังหวะ..ชีวา..ที่เข้มข้น
ความเป็นคน..พลัดถิ่น..ต้องดิ้นรน
เหนื่อยกับคน คน.คน และตนเอง 


ทุกข์ยาก...
แสนลำบาก..ตรากตรำ..ทำเป็นเก่ง
แต่ที่แท้..แอบร้องไห้..คล้ายบทเพลง
ยังละเลง..น้ำตา..ใต้ฟ้าคราม 


จำได้..
เสียงขลุ่ยแว่ว..หวลไห้..คล้ายใจถาม
ไกลแล้วหนา..ไกลนุช..สุดเขตคาม
เขาคงลืม..นิยาม..มาถามใจ... 



คิดถึงบ้าน




เมื่อความคิดซ่านเซ็น..เป็นขยะ
ไร้ที่จะกำหนด..ให้สดสวย
เพียงสื่อสารถ้อยคำ..ที่อำนวย
แต่ร่ำรวยความฝัน..อันอำไพ 


เคยมาเร่ขายฝัน..วันฟ้าหม่น
ให้แก่คนเดินดิน..ในถิ่นใหม่
ที่เรียกว่าแดนดิน..ซิวิไลซ์
ด้วยหัวใจแกว่งแกว่ง..แรงสียดทาน 


แค่หยุดดูลมหายใจ..ไปชั่วครู่
บอกให้รู้เสียงคน..บนทางผ่าน
ให้กลับคืนสู่ฝัน..ในวันวาน
กลับสู่บ้านแห่งนี้..หาพี่น้อง 










ลมฝน




ลมพัดม้วน ยอดไม้ ชายคาบ้าน
ใบปลิดปลิว เพ่นพล่าน สะท้านไหว
ฝนกระหน่ำ ซ้ำซัด สะบัดใบ
หมาวิ่งหา ที่ใหม่ ไปซุกนอน


ปิดหน้าต่าง ประตู ลมกรูเข้า
ม่านสีขาว พลิ้วผืน เป็นคลื่นซ้อน
ละอองฝน ปลิวหยด บนบทกลอน
นกบนคอน เกาะแน่น กับแกนไม้




สายฝนพรายร่ายหล่น ระคนหนาว (สุภีวดา สุภาวดี 
‎.....)

ใจปวดร้าวคราวฝนมา พาสั่นไหว
ลมพัดพรื้วริ้วระริก จิกทรวงใน
คิดถึงใคร ไหนเล่า ให้เศร้าอุรา




น้ำตาฟ้าหลั่งมา เป็นสายฝน
น้ำตาคนนั้นเออล้น เพราะคะนึงหา
ฟ้าเปียกปอน หมอนเจ้ากรรม เปียกน้ำตา
พิรุณมาพาเหว่ว้า มาเยี่ยมเยือน...










วันศุกร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แดงปลอม

http://www.komchadluek.net/detail/20110826/107282/อธิการฯมรธ.ชี้นศ.วางพวงหรีดเป็นสิทธิ.html



ดูหน้าไว้แดงปลอมมาล้อมจับ
นี่มันศตวรรษไหนใคร่จะรู้
แสดงออกให้ระบบทบทวนดู
รัฐบาลปูรู้หรือไม่..ว่าใครทำ.
..














สถุล





ครบเครื่องระยำต่ำสถุล
ส่อสกุลประกาศว่าชาติไพร่
สมแล้วที่ประกาศบทบาทไป
คนจะได้ไม่ประนามทรามกว่าเดิม



เห็นลีลาการพูดตูดหรือปาก
ที่สำรากลากไส้มาใส่เสริม
อนิจจา ! สภาไทยใครหนอเจิม
ปีศาจเพิ่มเริ่มสิงสู่...ประตูกล..










รู้อารมณ์





มีดอกไม้สายฝนบนเมฆครึ้ม

มาซับซึมความรู้สึกอันลึกซึ้ง


ของกวีบนดอยคอยรำพึง


อีกคนหนึ่งบนเกาะ (นั่ง) เคาะกะลา





รู้อารมณ์กวียามนี้นะ


รู้ขณะหายใจเกินใฝ่คว้า


รู้ถึงห้วงแห่งฝันวันเวลา


รู้ว่าฟ้ากว้างกว่า...จะหากัน












มันจะบ้ากันใหญ่


มันจะบ้า กันไป ใหญ่เแล้วนี่

เมื่อคนสี ห้ามนักข่าว เซ้าซี้ถาม

มีนายกฯ ยิ้มเขินเขิน ไว้เดินตาม

มันจะทราม กันไป ถึงไหนกัน.
.


ควบคุมสื่อให้เดินตามยิ่งทรามหนัก

ใครท้วงทักผิดไปหมดรันทดหวั่น

นั่งทำตาปริบปริบหมุบหมิบฟัน

รอเศษเงินแบ่งปันมา..คงสาใจ.
.

หากการเมืองเป็นเรื่องการเคืองแค้น

คงตอบแทนกันสาสมจมกันใหญ่

เลิกพูดถึงเรื่องจริงไม่จริงใจ

คงไม่ไกลเข้าปิ้งเค้น..ไม่เว้นเรา


อย่างที่บอกหุ่นกระบอกบอกไม่ได้  (Krerkbura Wanavongworawiwat)

จะถามไถ่เพียงไรให้เหนื่อยเ
ปล่า

สคริปต์มาไม่ถึงหน้าบึ้งเอา

เผลอโดนเห่าสมุนล่างับขาฟรี


ให้เอ็นดู ลีลา ของนายก

คะแนนตก ทางย่นเพราะคนสี

กันนักข่าว ปิดหูตา ประดามี

ป้องเต็มที คือนายกฯ..พกร่างทรง



ทะนุถนอม กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงถึงไหน

กลัวว่าไข่ โดนกระแทก แหลกเป็นผง

ก็จงอยู่ กับบ้าน งานมั่นคง

อย่ามาลง เลือกตั้งเล่น เป็นผู้นำ (ประเทศ)..





ยุคบ้านป่าเมืองเถื่อน

คงเข้ายุค บ้านป่า เมืองเถื่อน
มันทำเหมือน บ้านเมืองมี สีพวกเขา
ใครที่เห็น แตกต่างชั่ว หัวไร้เงา
คุกคามเอา ซึ่งหน้า แสนน่าชัง

ยุคประชาธิปไตย ไทยเฟื่องฟุ้ง
คนในกรุง นอกกรุง เลิกมุ่งหวัง
เมื่อนายทุนนิยม สมกำลัง
ออกคำสั่ง ดังที่เห็น..อยู่เช่นนี้

อนาถใจใครพบเห็นเป็นเมืองพุทธ
แต่กระทำกับมนุษย์หมดศักดิ์ศรี
เดินก้าวล่วงสิทธิและเสรี
ใครช่วยชี้ ความถูก-ผิด สิทธิ์คนไทย..








วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

นานเกินรอ




คิดถึงเจ้าน้ำค้างค้างใบหญ้



คิดถึงป่าผืนกว้างทางเคยผ่า



คิดถึงลมพริ้วพรูฤดูกาล



คิดถึงธารน้ำริน..เซาะหินงา






คิดถึงใจเคยซับกับมืออุ่น



คิดถึงกรุ่นใบไม้ไกล้ทางข้า



คิดถึง.คิดถึงซึ่งนิยาม



คิดถึงความหลังที่..ไม่มีย้อน







วันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2554

รักข้ามขอบฟ้า.



ไกลสุดตาฟ้ากว้างกว่ากว้าง
คนอ้างว้างร้างรักหยุดพักฝัน
แม้จะอยู่คนละทางห่างไกลกัน
แต่ใจนั้นใกล้ชิดสนิทใน

เสียงเพลงฝากมาประสารัก
เตือนตระหนักรักอยู่มิรู้หน่าย
รักทุกคืนทุกวันเกินบรรยาย
รักสุดท้ายคนดี...นี้คนเดียว






วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

หนึ่งในร้อย



ขอฉันอยู่.คนเดียว..สักเสี้ยวหนึ่ง
ใช่ฉันบึ้ง.ขึ้งโกรธ..ขอโทษด้วย
ขอฉันทบ.ทวนอีกที..ที่เอออวย
ใจเริ่มป่วย.กายเริ่มติด..จิตกังวล


เคยถือธง.นำหน้า..ท้าทายผิด
ด้วยแนวคิด.สัตย์ซื่อ..ถือเหตุผล
แต่วันนี้.ดูไป..ใยชอบกล
ยังมีคน.อยู่ข้างหลัง..หวังทำลาย


แอบอ้างชื่อ.ลือนาม..ได้ทรามนัก
เพื่อตวงตัก.ประโยชน์..อันโหดร้าย
เท้าเหยียบไหล่.ก้าวข้าม..ตามสบาย
โปรดอย่าใช้.การเมือง..ปั้นเรื่องราว


ใครจะใหญ่.ใครจะสูง..เป็นยูง-หงส์
โปรดบอกมา.ตามตรง..มิต้องสาว
หากคนดี.อยู่ไม่ได้..ใต้ดวงดาว
ก็เหยียบไว้.ใต้เท้า..เพียงเข้าใจ..


ใต้ฟ้านี้หากคนดีไร้ที่อยู่  (ปุถุชน  คนธรรมดา)
คงอดสูดูเอาเรื่องเล่าไว้
ยามเรือลอยคอยย้ำให้จำไ
...

อยู่ยงได้ก็เพราะน้ำที่ค้ำยัน

เรือจะจมล่มหายสลายพราก
ถ้าน้ำหลากหลั่งล้นจนเกินกั้น
เรือก็จมด้วยน้ำเฉกเช่นกัน
เป็นถ้อยอันสื่อถึงซึ่งความ​นัย


จะสูงส่งคงจมเมื่อล่มวาส-
นาขาดอาจถึงซึ่งช่วงขัย
อันจะอยู่คู่ฟ้ายถาใด
ฤาจะไม่ไหลล่มแล้วจมลง ฯ




วันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554

แบ่งปัน




ก่อนจะนอน.เอาฝัน..มาปั้นเล่น

ลมเย็นเย็น.ปั้นฝัน..อันสวยสวย

พรุ่งนี้อาจ.มีฝัน.แบ่งกันรวย

หากโชคช่วย.ฝันกันไป...ตามใจฝัน




อิ่มอุ่น


บอกรัก ตักอุ่น หนุนแม่

ยามแพ้ พ่ายมา หน้าซบ

อกแม่ ใหญ่กว้าง ล้างลบ

ทำนบ น้ำตา (จึง) หยุดลง






วันพฤหัสบดีที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เก็บความเหงาทิ้งทะเล

http://www.youtube.com/watch?v=vKXBqgc3yck&feature=mfu_in_order&list=UL


เก็บความเหงาหม่นหมองมากองไว้
แล้วเอาทรายทับถมให้จมลึก
สั่งคลื่นหอบพัดไปไม่ตรองตรึก
จะไม่นึกถึงมันวันต่อไป



เก็บเปลือกหอยเรียงร้อยสายสร้อยเล่น
ฉันจะเป็นคนดีวิถีคนใหม่
ฉันจะลืมเรื่องราวที่ร้าวใจ
ฉันจะไม่คิดถึงมันจนวันตาย


http://www.youtube.com/watch?v=yXWXl_HmJxo



มิได้เดินเพียงลำพัง

http://www.youtube.com/watch?v=PJPKNtYD0yE&feature=autoplay&list=PL3F43FDB6EA1B70FE&index=34&playnext=8

มิได้อยู่เพียงลำพังดังที่เห็น
มีคนเป็นเช่นนี้กี่ล้านคิด
มิได้เสแสร้งสร้างทางประดิษฐ์
แต่ชวิตคิดสร้างทางสายนี้


มิใช่เดินเดียวดายกลางสายฝน
แต่มีคนร่วมเดินบนวิถี
คนที่มีความคิดจิตเสรี
หวังโลกนี้พ้นบ่วงตม..ที่ล้มลุก



http://www.youtube.com/watch?v=CR70270QLN8&feature=related

บทเพลงใต้แสงดาว-ศุ บุญเลี้ยง



หยิบความฝันเก่าเก่ามาเล่าใหม่

เติมน้ำในถ้วยกาแฟรสแก่ขม

ให้เจือจางด้วยเวลาและอารมณ์

เถ้าที่มอดทับถม..โอบลมริน



ใครจะเหงากี่ล้านบนลานกว้าง

ดาวเคยบ้างไหมรับรู้ผู้จะสิ้น

ดาวก็ยังกระพริบพรายคล้ายยลยิน

ใครด่าวดิ้นไปกี่กัป...ไม่รับรู้



วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ทำให้ดูไม่ทำตาม..ก็ตามใจ




ด้วยความหวังตั้งไว้หลายสถา​น

เก็บกวาดบ้านของเพื่อนที่เลือนเลอะ

มาสอนใหม่ช่วยใส่ใจใช่สะเอ​อะ

บ้านเขาเปรอะแปดเปื้อนเกินเ​ตือนแล้ว


จึงพาไปให้ดูให้รู้เห็น

สอนคนเป็นสอนอย่างไรจึงได้แกัว

สอนอย่างไรเป็นกรวดไว้อวดแม
​ว

หากนำแล้วเขาไม่ทำ...ก็ตามใ​จ
 


นโยบายชาติใหญ่ไปไกลเกินฝัน

นโยบายของฉันมันใสใส


ทำให้ดูปูให้เห็นความเป็นไป

หากว่าไม่สนใจ..เชิญไปตาย..






​..