วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ข้าวใบเขียว



เขียวเขียว เขียวใบข้าว
เรียวใบยาว ข้าวใบเขียว
ไม่ช้า ออกรวงเรียว
ได้เก็บเกี่ยว เรียวรวงทอง


จะหลั่งถ้อยร้อยริน..จินตนา: แว่วสายลม :

จะหลั่งถ้อยร้อยริน..จินตนา: แว่วสายลม :

แว่วสายลม :





ลมหายใจ แห่งฉัน ณ วันนี้
มันยังมี เธออยู่ รู้บ้างไหม
แม้เวลา เลยผ่าน เนิ่นนานไป
ยังชัดใส ไหวหวาม อยู่ครามครัน 

เมื่อสวรรค์ มีตา ฟ้ากำหนด
ไม่ทดท้อ ระย่อ จะขอฝัน
ปีนที่สูงมุ่งสู่ประตูตะวัน
เพื่อเก็บมัน วันรุ่ง ของพรุ่งนี้

หลับคืนนี้ จะมีใคร ในใจเพ้อ
หรือในนั้น  มีเธอ เสมอนี่
หรือหลับหลับ ตื่นตื่น ขื่นราตรี
หรือว่ามี สิ่งหลอน ตอนเรานอน


ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป







ใครจะอยู่ สีไหน เราไม่ว่า
ขอเพียงอย่า หยามหมิ่น ภูมินทร์ข้า
เพราะเรารัก มั่นคง องค์ราชา
ขอเป็นข้า รองบาท ทุกชาติไป



วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แผ่นดินของเรา





ถ้าเราเหมือน คงไม่เห็น การเข่นฆ่า
เจรจา ด้วยสันติ วิถีปราชญ์
มันต่างที่ ประโยชน์ตน บนอำนาจ
ทำให้ชาติ อ่อนแอ และแย่ลง

ใช้เงินซื้อ ยื้อเงินขาย ได้อย่างคิด
คุณธรรม วิกฤต จิตประสงค์
ทำเพื่อตน พวกหมู่ อยู่ดำรง
ข่มเหงองค์ ราชัน มันไม่แคร์

มันยังคง หยามหยาบ ปราบไม่สิ้น
หรือแกล้งผิน หลังให้ ไม่แยแส
ปล่อยให้คน หยามหมิ่น ลิ้นรังแก
หรือว่าแค่ กลลวง...ติดบ่วงกล

แผ่นดินนี้ เคยสงบ รบไม่ขลาด
ประชาราษฎร์ เลือดทา มาหลายหน
มาเห็นไทย ฆ่ากัน มันเหลือทน
แค่วังวน กลลวง ด้วยบ่วงเิงิน....


โลกกว้าง



รู้ไหมว่า โลกใหญ่ ไพศาลนัก
มีความรัก ทุกแห่งหน บนฟ้าแล้ง
ขอแค่เพียง เดินออกมา อย่าล้าแรง
ก็เห็นแสง รังรอง ของตะวัน..



มองด้วยใจใฝ่รู้จะดูเห็น
ว่าโลกเป็นเช่นไรเหมือนในฝัน
แค่คิดว่าทุกอย่างคือรางวัล
ที่แบ่งปันให้ชีวิต..ลิขิตเอง





เสียงใบไผ่





สียงขลุ่ยครวญ พาดดาว ลมหนาวพัด
มันกร่อนกัด อารมณ์ ยามลมหวน
ดอกนมแมว กอนั้น กลิ่นรัญจวน
ให้ทบทวน บางอย่าง..ที่ร้างรา..





วันพฤหัสบดีที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2554

แบก-วาง-ว่าง



คนมีกรรมต้องใช้กรรมตามที่ติด
หากวางจิตลงได้ใจคงว่าง
ไม่ต้องแบกให้หนักจักอำพรา
ปีกบุญกาง ร่มเงา..ให้เราเอง

ก้าวเล็ก ๆ



ก้าวเล็กเล็ก ขอให้ก้าว สาวเท้าถี่
ก็ยังมี วันถึง ซึ่งจุดหมาย
อย่าลังเล กับเสียง ที่เรียงราย
มันอาจสาย เมื่อไปถึง..พึงระวัง



วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชงโค



เห็นชงโค ดอกแรก ผลิแตกช่อ
งามละออ ม่วงเด่น เป็นราศรี
มันคงชู ตั้งแต่เช้า หนาวฤดี
แต่เจ้าของ ไม่มี หรี่ตาดู




เมื่อเข้าบ้าน ตอนเย็น จึงเห็นชัด
สวยถนัด กลีบสง่า จัดว่าหรู
พอจะอวด ชาวบ้าน ผ่านประตู
เจ้าคงชู ดอกเด่นงาม อีกยามนะ..


วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ระยะทาง




ตะวันลา รัตติกาล ผ่านมาทัก
คิดถึงนัก คนไกล ในความฝัน
ระยะทาง ความอดทน คนไกลกัน
คงไม่บั่น รักนั้น ให้สั้นลง


ความเหงาแผ่ ซ่านเศร้า เข้าแทนที่
เมื่อราตรี เติมอารมณ์ สมประสงค์
พิสูจน์ใจ หนักแน่นนั้น ว่ามั่นคง
ว่ายืนยัน ยืนยง ตรงต่อใจ 

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินกวีแทนข้าว


กินกวีแทนข้าวแม้ด่าวดิ้น

ดีกว่ากินหินทรายละอายชั่ว
จะขัดขืนยืนยันมั่นในตัว
ไม่ก้มหัวให้อธรรม..ระยำเลว



ฤๅถึงยุคจะดับสูญ





อาจเป็นเพราะถึงยุคของทุกข์โศก
คนทั้งโลกร้องไห้ในยุคเข็ญ
ประเทศไทยก็ร้าวเข้าประเด็น
มันอาจเป็นความวิโยคของโลกนี้

ยุคข้าวยากหมากแพงแก่งแย่งยื้อ
ยุคที่ถือเงินตรากว่าศักดิ์ศรี
ยุคที่คนเข่นฆ่าประดามี
ยุคเศรษฐี-ยาจก..ตกพร้อมกัน 





วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหงา-เศร้า


สิ้นหวังทุกสิ่งอย่างบนทางฝัน
อ้างว้างอยู่อย่างนั้นในวันเหงา
มีใครบ้างแบ่งปันช่วยบรรเทา
เห็นแล้วเศร้า ในอก สะทกสะท้อน..



วางทุกอย่างบนทางระหว่างฝัน
ทดท้อมันเกินกว่าจะไถ่ถอน
หันหน้าไปทางใดเล่าโฉมบังอร
                     เขาร้างรอนแรมไกลไม่หวนคืน ...(FreeDom Mind ‎..)



เมื่อสิ้นหวัง สิ้นสุข ทุกข์ท่วมท้น
เมื่อสิ้นคน เหลียวแล แค่สะอื้น
หวังทั้งที่ ไร้หวัง ทุกนั่งยืน
หวังโชคคืน อีกครั้ง...ก็ยังดี.






วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อรุณรุ่ง



อรุณรุ่ง พรุ่งวัน ตะวันทัก
ชีวิตจัก หมุนมา ตามฟ้านั่น
เดินต่อไป ตามทาง ของกลางวัน
ถี่กระชั้น รีบรุก ทุกนาที

ลมหายใจ เข้า-ออก บอกจังหวะ
ด้วยระยะ ของจิต ชีวิตนี้
อยู่บนโลก สุขโศก โยกทวี
กรรมชั่ว-ดี สถิต นิจนิรันดร์..

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ยามท้อแท้




เมื่อยามที่ท้อแท้
เมื่อยามที่แพพ่าย
เมื่อยามหัวใจสลาย
มันคล้าย ๆ จะหมดแรง


เหตุอันใด ทำให้ท้อ
งานหรืออะไรหนอทำให้
ถ้าบ่นแล้วสบายใจ
ให้บ่นได้...3 วัน
ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

ไม่มีอะไรในกอไผ่...
เพียงแค่ใจ มันแกว่ง ตามแรงปั่น
ยิ่งกว่า คมมีด กรีดจาบัลย์
พอข้ามวัน คงหลุด...จากจุดนี้


โถ...นึกว่าจะแน่ !
ก็แค่"มาร"ผ่านมาทำหน้าที่
พิสูจน์ความแข็งแกร่งแห่งชั่ว-ดี
ถ้าเท่านี้ยังท้อ...ก็น่ากลัว 
(จะแย่)  ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

ได้พบมารสำราญจิต..
ได้พิชิต ความโฉดเขลา เงาสลัว
ของอำนาจ บาทใหญ่ ที่ใกล้ตัว
ความดี-ชั่ว กับดัก ผลักความดี..


ก็เรื่อง...ธรรมดาโลก
เหมือนนิยายรัก,โศก ใส่สี
จริงคือเท็จแต่เท็จจริงมันไม่มี
บนเส้นทางสายนี้..จึงอย่างนั้น
.(ยังไม่ชินอีกหรือครับ) ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

ธรรมดา ธรรมดา คาถาท่อง
อย่ามัวร้อง ว่าแพ้ มันแค่ฝัน
ธรรมะ ทำใจ ต้องคู่กัน
เมื่อสวรรค์ มีตา ฟ้าคงเห็น


นี่..ปลอบใจตัวเอง..ใช่ไม๊ ?
ยิ่งปลงยิ่งไปยิ่งใช่เล่น
รอสวรรค์ช่วยทำยิ่งลำเค็ญ
เพราะความจริงก็เห็น...เป็นไปไม่ได้
.
..ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

เป็นทางออก ที่เฉาโฉด โกรธสวรรค์
ไม่ลงฑัณฑ์ ไร้ตา เหมือนบ้าใบ้
ปล่อยคนผิด ลอยนวล มากวนใจ
เชื้อโรคร้าย แผ่กระจาย ไปหลายวา

แค่เข้ามาทดสอบตอบความแกร่ง
ว่ามีแรงหรือท้อถอยคอยวาสนา
สิ่งที่เป็นด้วยโชคช่วยหรือนำพา
แค่นั้นหนาอย่าคิดมากให้ยากนาน
...FreeDom Mind ‎...









วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อย่า-กลัว




อย่ามาคิดสงสารพาลมารัก
อย่าหว่านชักแม่น้ำหมายตามสอย
อย่าเอ่ยอ้างวาสนาพาเลื่อนลอย
อย่ามัวคอยเอาใจไม่ได้การ

กลัวใจจะอ่อนไหวไปตามนั้น
กลัวว่าวันผ่านพ้นจนเกินขาน
กลับรับปากเขาไปไม่ช้านาน
กลัวสงสารตัวเอง..แบบเกรงใจ


อย่ามาตีสนิทมีพิษซ่อน
อย่ามาอ้อนอ่อนหวานพาลอ่อนไหว
อย่ามาแกล้งทำดีต่อนี้ไป
อย่ามาใกล้ อย่ามา..มองตากัน

กลัวอ่อนไหวในคำทำให้หมอง
กลัวน้ำตาจะนองเพื่อนพ้องขัน
กลัวพบความโศกเศร้าไม่เท่าทัน
กลัวจะฝันสลายกลางสายชล..

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำใจไหลหลั่งริน



วันที่น้ำ ไหลหลั่ง ดั่งฟังโกรธ
สายธารโหด เชี่ยวไหล ไปท่วมถิ่น
ไทยก็มี น้ำใจ ไหลหลั่งริน
ซับชีวิน ซับชีวิต..ซับจิตใจ






อาหารเพียงมื้อยื้อชีวิต
ไม่ยึดติดความอร่อยค่อยค่อยใส่
เพื่อยังชีพ แรงกาย ลมหายใจ
เพื่อวันใหม่ วันหวัง แม้ยังเลือน








ทุกข์ท่วมท้นล้นไทยไปทุกหย่อม
ทุกข์มาพร้อมหน้ากันวันฟ้าเคลื่อน
ทั้งรวยจนทนกันนั้นหลายเดือน
ยิ้มทั้งเปื้อนน้ำตาไหลบ่าริน






เห็นรอยยิ้มผู้รับประทับยิ้ม
คนให้อิ่มเอมใจไม่รู้สิ้น
แบ่งความสุขกันไปใจได้ยิน
คนได้กินได้ใช้..คงคลายทุกข์





วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ทหารแท้




เมื่อพี่น้องร่วมชาติอนาถทุกข์
ใครจะสุขอยู่ได้ไม่มาแก้
ใครจะผูกใครจะชังใครรังแก
ทหารแท้ คือช่วยเหลือ เมื่อไทยทุกข์..




ขายขำ..ผู้นำไทย


น่าสงสารอัดอััน..ไม้กันหมา
ยอมถูกด่าเพื่อพี่ชาย..ได้สมหวัง
เป็นหุ่นเชิดเลิศลอย..ต้องคอยฟัง
ใครร้องสั่งอย่างไร..ก็ทำตา


ใครเขียนมาให้อ่าน..ก็ขานขั
ท่องสดับสำเนียง..เลี่ยงคำถาม
แสนสงสารคนฟัง..นั่งประนาม
ให้นิยาม "ขายขำ ผู้นำไทย"

วันจันทร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ปล่อย



จะเห่าหอน กันไป ถึงไหนนั่น
จะรำพัน กันไป ถึงไหนนี่
ท้ายที่สุด สุดท้าย ตายอยู่ดี
เลิกแบ่งสี แบ่งพรรค..มารักกัน



น้ำท่วมกรุง..ผักบุ้งโหรงแหรง



น่าสังเวช ประเทศไทย ที่ใหญ่ยิ่ง
ถูกแม่หญิง ปกครอง จนร่องแหร่ง
เมื่อน้ำท่วม เมืองหลวง จนร่วงแรง
ผักบุ้งแซง แย่งกันโผล่..โชว์สายตา



วันพุธที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ใครสาปแช่งใครไว้หลายเดือนก่อน







 คิวต่อไปที่ไหนใคร่อยากรู้
 เหล่ากูรูบอกว่าเป็นเมืองหลวง
 คือบาปกรรมที่ทำมาตามทวง
 ให้ตกบ่วงเหวกรรม..อันล้ำลึก

 
ใครสาปแช่งใครไว้หลายเดือนก่อน
 มันมาย้อนสนองคืนยามดื่นดึก
 กฎแห่งกรรมกระโดดใส่ใครจะนึก
 ความรู้สึกไร้หนทาง..คนสร้างกรรม








วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เปลือกธรรม






ถึงยุคเสื่อมเลื่อมพรายเป็นลายริ้ว
คำภีร์ปลิวไร้ค่า..อย่ามาสอน
พระธรรมอยู่ในตู้ฤดูกาล
ภิกษุขาน เปลือกธรรม..ว่าพระธรรม




วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2554

สูงสุดสู่สามัญ



เพื่อนต่างสีต่างลายต่างสายชั้น
มาแบ่งปันอมยิ้มอิ่มความหมา
คนหรือสัตว์ดิ้นรนพ้นความตา
แต่สุดท้าย สูงสุดกู่..สู่สามัญ




วันจันทร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ฝ่ากระแสน้ำไปด้วยกัน



ว่ายฝ่ากระแสน้ำในยามทุกข์
สัตว์ไร้สุขคนโศกจนโลกหม่น
น้ำท่วมกรุงเก่าหนักเกินจักทน
โอ้ฟ้าฝน ตั้งเค้า อีกคราวแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เหลืออะไร



ไร้คำจะเอื้อนเอ่ย
ไม่เคยพบไม่เคยเห็น

น้ำตาไทยกระเซ็น
จะเป็นเช่นนี้อีกกี่วัน



อยุธยาจมใต้น้ำ
ยิ่งกว่ายามเสียเขตขัณฑ์
ยังเหลือป่าพนาวัน
นี่มันเหลือเชื่อเหลืออะไร






วันศุกร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คอยลมเกี่ยวใจ




ลมยังพริ้วปลิวโบกกระโชกเรื่อย
ดูไม่เหนื่อยเลยลมห่มฟ้าค่ำ
แมงกลางคืนสะอื้นเสียงงึมงำ
แว่วลำนำเพลงช้า...จากฟ้าไกล...



ชนชั้น





จะนกกาห่านหงส์ใจคงรู้
ว่าตัวกูสูงต่ำดำหรือขาว
ใช่ภาพลักษณ์จักตอกบอกเรื่องราว
จะผ่องพราวขาวดำรู้..ดูที่ใจ









วันพุธที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2554

ธรรมชาติลงทัณฑ์






เห็นหรือยังในที่สุดมนุษย์เอ๋ย
อะไรเลยที่เหลือเพื่อให้เห็น
ธรรมชาติเอาคืนยื่นประเด็น
และมันเป็นเช่นนี้..มานิรันดร์

ยังแย่งชิงเด่นดีแบ่งสีเสื้อ
แล้วที่เหลือคือว่างปล่าเขลาไหมนั่น
มาร่วมมือฝ่าทุกข์ยากฝากถึงกัน
ธรรมชาติ ประชาทัณฑ์...กันทั่วแล้ว








วันอังคารที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2554

น้ำท่วมไทย




ตกกระหน่ำซ้ำชัดระบัดไหว
ทำอย่างน้ำนองเต็มท้องทุ่ง
ไหลทะลักเข้าเมืองนองเนืองกรุง
อยุธยาน้ำมุ่งเต็มคุ้งลาน


 รักษาตัวไว้นะญาติมิตร
อย่ายึดติดสมบัตพัสถาน
หาเอาใหม่ข้างหน้าไม่ช้านาน
ของให้ท่านอพยพหลบน้ำเลย


วิปริตฝนฟ้าพายุซ้ำ
จึงระกำไม่หยุดพุทโธเอ๋ย
ช่วยกันนะน้ำใจไทยอย่างเคย
อย่าอยู่เฉยพี่น้อง..ยามต้องทุกข์

· ·

ตระหนก




เสียงประทัดสนั่นลั่นไปทั่ว
มันน่ากลัวหรือครึกครื้นให้ตื่นเต้น
ไม่อยากยินเสียงนี้มีประเด็น
เกือบตกเป็นเหยื่อระเบิดบ้านเกิดตน


ได้ยินประทัดดังยังผวา
ตระหนกตื่นทุกคราไร้เหตุผล
แล้วจะหนีไปไหนหนีใจตน
ก็ไม่พ้นทนผวาละล้าละลัง


วันอาทิตย์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2554

โลกนี้คือละคร




ไม่อยากจะทำกร่างแบบอย่างเขา
มันคงไม่เข้าท่าประสาหญิง
แต่ใยมีผู้ซึ่งมาพึ่งพิง
ให้ทำสิ่งโน่นนี่หน้าที่นำ


แล้วคนที่เป็นชายคล้ายเข้มแข็ง
ไม่แสดงบทบาทวางมาดขำ
ดูอ่อนแอแป้ป้อนั่งรอคำ
แล้วจะทำไฉนอย่างไรกัน

ทั้งสิ้นคิดสิ้นคำทำลวงโลก
ทั้งสับโขลกโยกงบกลบจัดสรร
เก่งอย่างเดียวคือโกงกินจนลิ้นพัน
เมื่อถึงวันต้องเคลียร์..เอี้ยกบดาน





วันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2554

อยากลืมกลับจำ




อยากลืมเรื่องไร้สาระรกสมอง
เก็บมากองฝังดินให้สิ้นซาก
หรือว่าเผาทำลายคล้ายปิดฉาก
หรือไม่ฝากทะเลลมไปถมทราย


ทำอย่างไรก็ยังจำน่าขำนี่
จะกี่เดือนกี่ปีไม่สลาย
ยังเด่นชัดยิ่งฝันพรรณราย
เจ็บเจียนตาย เมื่อตื่น..ฟื้นขึ้นมา


อยากจะลบอยากจะลืมเรื่องรกรก
แล้วเก็บตกสาระตามประสา
ทำวันนี้ตามความเชื่อเหลือเวลา
มันอาจช้าหากไม่ทำ..ตามที่คิด








ถึงเวลา..ฟ้อง




หัวใจ.ละเหี่ย.เป็นเบี้ยล่าง
คนสมอ้าง.ถือกฎหมาย.ช่างขายหน้า
เที่ยวข่มขู่.เชิดหู.ดูหางตา
จะรู้ว่า.ใครแน่..มาแก้อาย


มาเจอคน.รู้กว่า.ทำหน้าเร้อ
แล้วจะเจอ.ถูกฟ้อง.ต้องกฎหมาย
สวัสดิการ.ของคน.ป่นทำลาย
ไม่กลัวตาย บอกให้รู้..ดูต่อไป



ในเมื่อรอมชอม.ไม่ได้ผล
ก็แค่คน.เหมือนกัน.ไม่หวั่นไหว
ถึงเวลา.ต้องล้าง.หรืออย่างไร
ฟ้องมันให้.รู้ว่า.ใช่ค้าความ



แต่ต้องการ.มาตรวัด.บรรทัดฐาน

เมื่อทำงาน.ไร้ยุติธรรม.ถูกหยันหยาม
มันต้องเล่น.บทหนัก.กันสักยาม
แล้วนับหนึ่ง.สองสาม.ก้าวข้ามไป



ถึงทางตัน.หันมาสู้.เพื่อดูผล
เขาก็คน.เราก็คน.ทนไม่ไหว
ถูกบีฑา.บ้าบอ.ท้อทำไม
ใยไม่ใช้.กฎหมาย..ไว้ช่วยคน



หรือว่ากฎหมาย.บ้านเมืองนี้

เขียนให้มี.เข่นฆ่า.โฉดช้าฉ
ไม่ได้แก้.ปัญหา.ประชาชน
เพราะว่ามนต์.แห่งกฎหมู่..มันดูดี


เพลานี้.คนดี.ล้วนหนีหาย
เหลือเพียงใหญ่.คับฟ้า.ประดาผี
สูบไม่เลือก.เกลือกกระหาย.ในบัตรพลี
ไม่รักษา.หน้าที่.พลีแผ่นดิน (หวาน คำ)


เพราะสันดาน.คนดี.ที่ถูกต้อง
ไม่สนอง.อำนาจ.จนชาติสิ้น
ข้าราชการ.ตัวดี.ที่โกงกิน
เพราะใช้ลิ้น.เลียหวัง.เด่นดังดี


แค่เขาโยน.ตำแหน่งใหญ่.ก็ใจปลื้ม
ลืมตัว.ลืมตน.ลืมหน้าที่
รับใช้เยี่ยงทาสกระวาดกระวี
ลืมศักดิ์ศรี.ความเป็นคน..สับสนจริง










ขี้ข้าเงิน







เงินเป็นถุง เป็นถัง นั่งยิ้มแฉ่ง

ใครจะแข่ง วาสนา ขี้ข้าไพร่

ทำดีทำชอบ มอบกันไป

เมื่อเลือกไร้ ศักดิ์ศรี ขี้ข้าเงิน



RAIN



ฟ้าร่ำมิยอมหยุดหย่อน
เปียกปอนท่วมทั่วหัวระแหง
ชาวนาอุตส่าห์ลงแรง
ใยแกล้งกันได้ลงคอ


สัตว์เลี้ยงตายน่าอนาถ
พายุสาดฝนซัดพัดต่อ
ยากแค้นขื่นข้นทนรอ
ใครหนอพอได้เยียวยา


จะอยู่จะกินถิ่นนี้
มากมีทุเรศเสดสา
กินข้าวแจกแลกน้ำตา
ชาวนาสิ้นข้าว..ร้าวใจ