วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ชงโค



เห็นชงโค ดอกแรก ผลิแตกช่อ
งามละออ ม่วงเด่น เป็นราศรี
มันคงชู ตั้งแต่เช้า หนาวฤดี
แต่เจ้าของ ไม่มี หรี่ตาดู




เมื่อเข้าบ้าน ตอนเย็น จึงเห็นชัด
สวยถนัด กลีบสง่า จัดว่าหรู
พอจะอวด ชาวบ้าน ผ่านประตู
เจ้าคงชู ดอกเด่นงาม อีกยามนะ..


วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ระยะทาง




ตะวันลา รัตติกาล ผ่านมาทัก
คิดถึงนัก คนไกล ในความฝัน
ระยะทาง ความอดทน คนไกลกัน
คงไม่บั่น รักนั้น ให้สั้นลง


ความเหงาแผ่ ซ่านเศร้า เข้าแทนที่
เมื่อราตรี เติมอารมณ์ สมประสงค์
พิสูจน์ใจ หนักแน่นนั้น ว่ามั่นคง
ว่ายืนยัน ยืนยง ตรงต่อใจ 

วันศุกร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

กินกวีแทนข้าว


กินกวีแทนข้าวแม้ด่าวดิ้น

ดีกว่ากินหินทรายละอายชั่ว
จะขัดขืนยืนยันมั่นในตัว
ไม่ก้มหัวให้อธรรม..ระยำเลว



ฤๅถึงยุคจะดับสูญ





อาจเป็นเพราะถึงยุคของทุกข์โศก
คนทั้งโลกร้องไห้ในยุคเข็ญ
ประเทศไทยก็ร้าวเข้าประเด็น
มันอาจเป็นความวิโยคของโลกนี้

ยุคข้าวยากหมากแพงแก่งแย่งยื้อ
ยุคที่ถือเงินตรากว่าศักดิ์ศรี
ยุคที่คนเข่นฆ่าประดามี
ยุคเศรษฐี-ยาจก..ตกพร้อมกัน 





วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

เหงา-เศร้า


สิ้นหวังทุกสิ่งอย่างบนทางฝัน
อ้างว้างอยู่อย่างนั้นในวันเหงา
มีใครบ้างแบ่งปันช่วยบรรเทา
เห็นแล้วเศร้า ในอก สะทกสะท้อน..



วางทุกอย่างบนทางระหว่างฝัน
ทดท้อมันเกินกว่าจะไถ่ถอน
หันหน้าไปทางใดเล่าโฉมบังอร
                     เขาร้างรอนแรมไกลไม่หวนคืน ...(FreeDom Mind ‎..)



เมื่อสิ้นหวัง สิ้นสุข ทุกข์ท่วมท้น
เมื่อสิ้นคน เหลียวแล แค่สะอื้น
หวังทั้งที่ ไร้หวัง ทุกนั่งยืน
หวังโชคคืน อีกครั้ง...ก็ยังดี.






วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อรุณรุ่ง



อรุณรุ่ง พรุ่งวัน ตะวันทัก
ชีวิตจัก หมุนมา ตามฟ้านั่น
เดินต่อไป ตามทาง ของกลางวัน
ถี่กระชั้น รีบรุก ทุกนาที

ลมหายใจ เข้า-ออก บอกจังหวะ
ด้วยระยะ ของจิต ชีวิตนี้
อยู่บนโลก สุขโศก โยกทวี
กรรมชั่ว-ดี สถิต นิจนิรันดร์..

วันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ยามท้อแท้




เมื่อยามที่ท้อแท้
เมื่อยามที่แพพ่าย
เมื่อยามหัวใจสลาย
มันคล้าย ๆ จะหมดแรง


เหตุอันใด ทำให้ท้อ
งานหรืออะไรหนอทำให้
ถ้าบ่นแล้วสบายใจ
ให้บ่นได้...3 วัน
ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

ไม่มีอะไรในกอไผ่...
เพียงแค่ใจ มันแกว่ง ตามแรงปั่น
ยิ่งกว่า คมมีด กรีดจาบัลย์
พอข้ามวัน คงหลุด...จากจุดนี้


โถ...นึกว่าจะแน่ !
ก็แค่"มาร"ผ่านมาทำหน้าที่
พิสูจน์ความแข็งแกร่งแห่งชั่ว-ดี
ถ้าเท่านี้ยังท้อ...ก็น่ากลัว 
(จะแย่)  ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

ได้พบมารสำราญจิต..
ได้พิชิต ความโฉดเขลา เงาสลัว
ของอำนาจ บาทใหญ่ ที่ใกล้ตัว
ความดี-ชั่ว กับดัก ผลักความดี..


ก็เรื่อง...ธรรมดาโลก
เหมือนนิยายรัก,โศก ใส่สี
จริงคือเท็จแต่เท็จจริงมันไม่มี
บนเส้นทางสายนี้..จึงอย่างนั้น
.(ยังไม่ชินอีกหรือครับ) ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

ธรรมดา ธรรมดา คาถาท่อง
อย่ามัวร้อง ว่าแพ้ มันแค่ฝัน
ธรรมะ ทำใจ ต้องคู่กัน
เมื่อสวรรค์ มีตา ฟ้าคงเห็น


นี่..ปลอบใจตัวเอง..ใช่ไม๊ ?
ยิ่งปลงยิ่งไปยิ่งใช่เล่น
รอสวรรค์ช่วยทำยิ่งลำเค็ญ
เพราะความจริงก็เห็น...เป็นไปไม่ได้
.
..ลุงหมู บ้านยะมะรัชโช

เป็นทางออก ที่เฉาโฉด โกรธสวรรค์
ไม่ลงฑัณฑ์ ไร้ตา เหมือนบ้าใบ้
ปล่อยคนผิด ลอยนวล มากวนใจ
เชื้อโรคร้าย แผ่กระจาย ไปหลายวา

แค่เข้ามาทดสอบตอบความแกร่ง
ว่ามีแรงหรือท้อถอยคอยวาสนา
สิ่งที่เป็นด้วยโชคช่วยหรือนำพา
แค่นั้นหนาอย่าคิดมากให้ยากนาน
...FreeDom Mind ‎...









วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

อย่า-กลัว




อย่ามาคิดสงสารพาลมารัก
อย่าหว่านชักแม่น้ำหมายตามสอย
อย่าเอ่ยอ้างวาสนาพาเลื่อนลอย
อย่ามัวคอยเอาใจไม่ได้การ

กลัวใจจะอ่อนไหวไปตามนั้น
กลัวว่าวันผ่านพ้นจนเกินขาน
กลับรับปากเขาไปไม่ช้านาน
กลัวสงสารตัวเอง..แบบเกรงใจ


อย่ามาตีสนิทมีพิษซ่อน
อย่ามาอ้อนอ่อนหวานพาลอ่อนไหว
อย่ามาแกล้งทำดีต่อนี้ไป
อย่ามาใกล้ อย่ามา..มองตากัน

กลัวอ่อนไหวในคำทำให้หมอง
กลัวน้ำตาจะนองเพื่อนพ้องขัน
กลัวพบความโศกเศร้าไม่เท่าทัน
กลัวจะฝันสลายกลางสายชล..

วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

น้ำใจไหลหลั่งริน



วันที่น้ำ ไหลหลั่ง ดั่งฟังโกรธ
สายธารโหด เชี่ยวไหล ไปท่วมถิ่น
ไทยก็มี น้ำใจ ไหลหลั่งริน
ซับชีวิน ซับชีวิต..ซับจิตใจ






อาหารเพียงมื้อยื้อชีวิต
ไม่ยึดติดความอร่อยค่อยค่อยใส่
เพื่อยังชีพ แรงกาย ลมหายใจ
เพื่อวันใหม่ วันหวัง แม้ยังเลือน








ทุกข์ท่วมท้นล้นไทยไปทุกหย่อม
ทุกข์มาพร้อมหน้ากันวันฟ้าเคลื่อน
ทั้งรวยจนทนกันนั้นหลายเดือน
ยิ้มทั้งเปื้อนน้ำตาไหลบ่าริน






เห็นรอยยิ้มผู้รับประทับยิ้ม
คนให้อิ่มเอมใจไม่รู้สิ้น
แบ่งความสุขกันไปใจได้ยิน
คนได้กินได้ใช้..คงคลายทุกข์